ร่างน้อยที่ถลาเข้ามาสู่อ้อมอกของนางอ่อนปวกเปียกอย่างสิ้นเรี่ยวแรง ราวกับนกปีกหัก นูรียาถลันเข้ารับเอาไว้อย่างรวดเร็ว แรงปะทะของร่างที่ถาโถมเข้ามาทำให้หล่อนถึงกับเซ นางรีบประคองโอบรัดลูกไว้อย่างสุดถนอม เสียงสะอื้นฮักของลูกสาววูบลึกความรู้สึกของหล่อนจน รวดร้าวสุดจะพรรณา
กระดาษจดหมายแผ่นเดียวที่ถือติดมือมา นูรีปล่อยให้มันร่วงตกลงบนพื้นอย่างไม่สนใจใยดีอีกต่อไป เพราะเนื้อความในจดหมายนั้น บ่งบอกตอกย้ำ ถึงข่าวลือที่ว่านั้นอย่างชัดเจน
“เขาแต่งงานไปแล้วจริงๆ” และเขากล้าพอที่จะเขียนจดหมายมาบอกด้วยข้อความเพียงสั้นๆ ว่า
“บังขอโทษนะ... ที่ทำไปเพราะความจำเป็นบังคับ”
“บังฏอริค” ไม่รู้ว่าเขาได้ทำลายจิตใจที่บริสุทธิ์ของเธออย่างยับเยิน มันเป็นความจำเป็นอะไรหรือ ที่ว่าที่สามีของเธอได้ยกขึ้นมาอ้าง คงเป็นความจำเป็นที่ทนความหอมหวานเย้ายวนของกลิ่นเงินตราไม่ได้ หรือเป็นความจำเป็นที่ทนเห็นความอ่อนหวานและความน่ารักของผู้หญิงอย่าง “การตี่นี” ไม่ได้
...ก็ใช่น่ะซิ ความน่ารักบวกกับเงินแถมด้วยความใกล้ชิด แม้ว่าผู้ชายที่ถูกพอกไว้ด้วยกำแพงอิหม่านที่หนาแน่นเพียงใดก็เคยพังมาแล้ว “บังฏอริค” ไม่ใช่อิฐไม่ใช่ปูนจึงตกหลุมเสน่หาของ “การตี่นี” ได้ง่ายๆ จนทำให้ลืมพันธะผูกพันกับผู้ที่อยู่ห่างไกลกันได้อย่างไร้เยื่อใย...
“ลูกรัก...ร้องไห้เสียให้พอเถอะ...มามาพอจะรู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับหนู” นูรียาพูดพลางลูบศีรษะของลูกสาวอย่างรักใคร่ นูรีซุกหน้าลงกับไหล่ของมารดา ส่วยศีรษะไปมาอย่างอ่อนแรง คำพูดที่เล็ดลอดออกมาปนเสียงสะอื้น ฟังเกือบไม่ได้ศัพย์สำนวน
“มามา.. ทำ.. ทำไมเขาต้องร้ายกับหนู...หนูอยาก.. อยากตาย...” นูรียาใช้สองมือประคองใบหน้าลูกสาวให้หันหน้ามาเผชิญหน้ากัน นางมองสบตาที่แดงก่ำของลูกอย่างร้าวราน
“ไม่หรอกลูก...ซอร์บัรเถอะ...เพราะนี่คือการทดสอบจากอัลลอฮ์...ลูกของมามาจะต้องอดทน ไม่มีอะไรที่จะแก้ไขไม่ได้ ถ้าเรามอบหมายการงานทุกอย่างให้กับอัลลอฮ์” นางปลอบประโลมลูกด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าอ่อนโยน และนุ่มนวลที่สุด หญิงวัยกลางคนดึงร่างลูกรักเบาๆ และใช้มือทั้งสองข้างกดไหล่ลูกสาวให้นั่งลงด้วยกันบนโซฟา นูรีซบหน้าลงบนตักของมารดา ผู้เป็นแม่รู้ว่าหัวใจของลูกแหลกลาญแล้ว หัวใจของนางก็ร้าวรานและเจ็บปวดจนสุดที่จะอดกลั้น น้ำตาของผู้เป็นแม่ร่วงพรูลงมาราวกับฝนที่ไม่ได้ตั้งเค้า ทั้งๆ ที่นางก็ไม่อยากที่จะแสดงความอ่อนแอออกมาให้ลูกเห็น อยากให้ตัวเองแข็งแรงมากกว่านี้ เพื่อจะได้ปลอบประโลมและมีแรงพอที่จะประคบประหงมให้ลูกสาวมีชีวิตที่เข้มแข็ง และแข็งแรงพอที่จะฟันผ่าอุปสรรคและความเวิ้งว้าง ของทุกข์โศกที่เลวร้ายครั้งนี้ของลูกไปได้
ไม่แปลกอะไรเลยนะ ถ้าว่าที่ลูกเขยของนางจะไปแต่งงานกับหญิงอื่นที่ไม่ใช่เป็นทั้งญาติและเพื่อนของลูก ถ้าหากเป็นแค่เพื่อนอาจจะไม่ต้องคบหาสมาคมกันอีกเลยก็ได้ แต่นี่เป็นทั้งเพื่อนและญาติที่สนิท ลูกของนางจะต้องทนดูภาพที่บาดตาบาดใจนี้ไปอีกนาน หรืออาจจะชั่วชีวิตเลยก็ได้
นูรียาปาดน้ำตาทางแก้มข้างซ้ายและขวาทิ้ง เชยคางเรียวมนของลูกรักให้เงยหน้าขึ้น นางไม่กล้าพูดอะไรกับลูกมากมายนัก เพราะว่าบทเรียนที่ลูกได้รับบทนี้สาหัสสากรรจ์พอแล้ว อย่างไรเสีย นางคิดว่าลูกคงจำได้บ้างที่แม่เคยพร่ำสอนลูกอยู่เสนอในเรื่องของความรักและการมีคู่ครอง
สายตาของลูกที่แดงก่ำช้ำบวมมองสบตานาง นางจึงรู้ว่าลูกถูกขังอยู่ในห้องสอบของชีวิต ลูกคงรู้แล้วซิว่าบทเรียนที่แม่สอนนั้น มันคือข้อสอบในวันนี้ แต่ลูกจะสอบผ่านไปได้ไหม
นางอยากจะบอกลูกอีกเหลือเกินว่า
“ต่อไปนี้ลูกจงจำไว้ว่า อย่ารักใครให้มากกว่าตัวเอง... เพราะตัวเรานั้นมีหน้าที่สำคัญที่จะต้องทำ นั่นก็คือ การภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า รักพระองค์อัลลอฮฺให้สูงสุดแต่เพียงผู้เดียว ไม่ใช่ภักดีต่อความรัก หรือรักผู้ใดผู้หนึ่งแบบถวายตัวถวายใจเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเมื่อถึงเวลาที่เราเจ็บ ผู้ที่เราพึ่งพาได้ก็คือพระองค์อัลลอฮฺเท่านั้น"
...ถ้าผู้ใดรู้จักแบ่งปันความรักให้ถูกสัดส่วน เขาจะไม่มีวันต้องเจ็บปวดอย่างมหันต์เช่นนี้ ไม่ใช่นิยายรักฝรั่งเรื่องโรมิโอกับจูเลียต หรือละครทีวีเรื่องแผลเก่า ซึ่งพระเอกนางเอกอย่างไอ้ขวัญกับอีเรียมต้องจบชีวิตเพราะความรัก...
ความรักก็เหมือนกับความเจ็บปวดชนิดหนึ่ง ซึ่งมีวันที่จะเยียวยาให้หายได้ด้วยกาลเวลา สติปัญญาและความศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้า มนุษย์ทุกคนย่อมจะไม่เจอกับความรักเพียงครั้งเดียว ในชีวิตของทุกคนมีความรักหลายระดับ ผ่านเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วมันก็หายไป จงเอาเวลาเป็นเครื่องบำบัด เอาความอดทนและเหตุผลมาโต้แย้ง...
บอกตัวเองให้ตระหนักซิว่า ที่ว่าความรักนั้นมันคืออะไร... ถ้าเป็นความรักระหว่างหนุ่มสาวแล้วละก้อ มันคือเพียงเหตุผลที่ยกขึ้นมาอ้าง เพื่อกลบเกลี่ยนความต้องการของสรีระร่างกายใช่หรือไม่... และมันคือความต้องการที่จะสนองตอบต่อกามารมณ์ตามธรรมชาติของมนุษย์มิใช่หรือ... คิดให้ออกซิ แล้วเราจะรู้ว่า ความรักที่แท้จริงมันคืออะไร... และควรจะจัดมันไว้ในส่วนไหนของสี่ห้องหัวใจ และในส่วนไหนของสมองและสติปัญญา ไม่ใช่ว่าปล่อยให้ความรักครอบงำหัวใจทั้งดวง และมันสมองทั้งหมดจนไม่มีส่วนที่ว่างเปล่าไว้เผื่อเอื้ออาทรต่อสิ่งใดๆ ได้อีกเลย
คนเราทุกคนที่เกิดมาย่อมจะมีคนที่รักและผูกพันอยู่กับเราหลายคน ทั้งที่เรารู้สึกได้และที่เราไม่รู้สึก ถ้าเราสามารถมองเห็นความรักและความเอื้ออาทรที่บุคคลระดับต่างๆ มีให้กับเรา เราก็จะรู้สึกได้ว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความรัก แต่เพราะบางคนไม่อาจจะแปลภาษารักที่มีให้ผู้อื่นออกมาเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนให้เขารับรู้ได้ จึงทำให้อีกฝ่ายต้องพลาดโอกาสที่จะได้รับความรู้สึกดีๆ นั้น ไปอย่างน่าเสียดาย...
มีมากมายที่พ่อแม่รักลูก เพื่อนรักเพื่อน ความรักระหว่างญาติพี่น้องหรือแม้กระทั่งความรักของสามีภรรยาที่มีต่อกัน แต่ต้องพลาดโอกาสที่จะรับรู้ความรู้สึกเหล่านั้นจากฝ่ายตรงข้ามได้ เพราะไม่สามารถที่จะแปลความหมายของความรักในลักษณะนามธรรมให้เป็นรูปธรรมเพื่อให้อีกฝ่ายได้รับรู้ได้...
อ่านต่อตอนหน้า...