พอหนูลืมตาดูโลกปุ๊บหนูก็ได้หม่ำๆ น้ำนมแม่แสนอร่อย ที่ให้พลังงาน และสารอาหารที่ร่างกายของหนูต้องการ จนตอนนี้หนูอายุครบ 6 เดือนแล้ว ร่างกายของหนูโตขึ้นมานิดหน่อยแล้วล่ะ หนูจึงต้องการพลังงาน และสารอาหารที่เพิ่มขึ้น .... ทารกน้อยจึงต้องการอาหารที่นอกเหนือจากน้ำนมของแม่บ้างแล้วละค่ะ เพื่อเริ่มฝึกพัฒนาการของการเคี้ยว และการกลืนอาหารที่นอกเหนือจากอาหารแบบเหลว(น้ำนมแม่)ไปสู่การรับประทานอาหารแบบที่ผู้ใหญ่เขาทานกัน (จากการทานน้ำนมแม่ à ไปสู่อาหารแบบนิ่มๆ à และทานอาหารแบบผู้ใหญ่)
...ควรให้อาหารตามวัยแก่ลูกเมื่อไรดี
คุณแม่สามารถให้อาหารตามวัย แก่ลูกได้ก่อน 6 เดือน หากลูกมีน้ำหนักน้อย และไม่ค่อยเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ควรให้ลูกทานก่อนอายุ 4 เดือน เพราะเด็กอายุก่อน 4 เดือน ระบบต่างๆ ในร่างกายยังไม่พร้อมรับอาหารที่นอกเหนือจากน้ำนมของแม่ และไม่ควรให้อาหารตามวัยช้ากว่า 6 เดือน นอกจากนี้ถ้าคุณแม่สามารถให้ลูกทานน้ำนมต่อไปจนลูกอายุครบ 2 ปี จะดีต่อร่างกายของลูกมากค่ะ
...ร่างกายหนูพร้อมรับอาหารแล้วล่ะ
เมื่อระบบทางเดินอาหารหนูพร้อมทำงานอย่างเต็มที่ : จากที่ตอนแรกเกิดลูกมักจะห่อปากใช้ลิ้นดุนๆ อาหารออกมา เมื่อได้รับอาหารแบบนิ่มๆ เมื่อร่างกายลูกพร้อมช่วง 4-6 เดือน ลูกจะสามารถใช้ลิ้นตวัดอาหาร และกลืนอาหารแบบนิ่มๆ ลงสู่ลำคอได้แล้ว และที่สำคัญกระเพาะอาหารน้อยๆ ก็มีน้ำย่อยเพิ่มขึ้นไว้สำหรับย่อยอาหารได้แล้วล่ะ
ร่างกายมีควรพร้อมที่จะทานอาหารแบบนิ่มๆ ได้ ร่างกายลูกน้อยมีความพร้อมที่จะทานอาหารแบบนิ่มๆ ได้ สามารถยอมรับอาหารเมื่อลูกลูกสึกหิว และแสดงอาการปฏิเสธเมื่อลูกรู้สึกอิ่มได้
ไตก็พร้อมทำงานมากขึ้นด้วย คุณแม่เริ่มให้อาหารตามวัยกับลูกที่อายุครบ 6 เดือน ไตของลูกจะสามารถขับถ่ายของเสียได้ดีขึ้น
ลูกอายุครบ 6 เดือนสามารถเริ่มทานอาหารทดแทนนม 1 มื้อ หนูจะเริ่มทานอะไรดีนะ...???
ไข่
คุณแม่จะให้ลูกทานไข่เป็ดหรือไข่ไก่ก็ได้ค่ะ เพราะไข่อุดมไปด้วยโปรตีน มีวิตามินเอ และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายของลูก แต่หากจะให้ลูกทานไข่ควรให้ลูกเริ่มทานเฉพาะไข่แดงก่อน และควรปรุงให้สุกก่อน จึงจะย่อยง่ายไม่ควรให้ทานแบบไข่ที่เรียกว่า ยางมะตูม อาจทำให้เสี่ยงต่อเชื้อโรคต่างๆ ได้ค่ะ
เนื้อสัตว์
ไม่ว่าจะเป็น เนื้อไก่ เนื้อหมู เนื้อปลา ล้วนอัดแน่นไปด้วยโปรตีน แร่ธาตุ และวิตามิน โดยเฉพาะเนื้อปลาที่มี DHA ซึ่งเป็นกรดไขมันชนิดจำเป็นต่อร่างกาย ช่วยบำรุงสมอง
ตับ
จะเลือกให้ทานตับไก่ หรือตับหมูก็ได้ทั้งคู่ค่ะ เพราะตับอุดมไปด้วยธาตุเหล็กที่ช่วยเสริมสร้างฮีโมโกบินซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดง นอกจากนี้ตับยังมีโปรตีน วิตามิน เอ และ บี เป็นต้น
ผัก และผลไม้
ควรเลือกปรุงผักหลากหลายสีอย่าง ผักใบเขียว และผักสีส้ม เป็น เพราะผักแต่ละสีก็ให้วิตามินที่แตกต่างกัน เช่น ตำลึง ฟักทอง แครอท เป็นต้น ผักจะช่วยให้ลูกขับถ่ายได้ดีขึ้น เพราะมีกากใยอยู่เป็นจำนวนมาก สำหรับผลไม้ควรเลือกผลไม้ชนิดนิ่มๆ ก่อน เพื่อให้ลูกทานได้ง่าย เช่น กล้วยน้ำว้า ส้มเขียวหวาน เป็นต้นหากคุณแม่ไม่ต้องการให้ลูกทานรสหวานมากเกินไปไม่ควรเลือกผลไม้ที่สุกงอมมากๆ เพราะผลไม้ที่สุกงอกมากๆ มักจะมีรสหวาน และการให้ลูกทานอาหารตามวัยเมื่ออายุครบ 6 เดือน ช่วยให้ลูกได้ฝึกทักษะการเคี้ยว และกลืนอาหาร และหนูๆ จะได้รู้จักอาหารอื่นนอกจากน้ำนมของคุณแม่
Tips
-เพื่อความสดใหม่ สะอาด และได้คุณค่าอาหารที่ครบถ้วนคุณแม่ควรปรุงอาหารให้ลูกทานเองที่บ้านค่ะ
-เมนูอาหารทุกเมนูความปรุงให้สุก เพื่อป้องกันเชื้อโรคต่างๆ
-อาหารสำหรับเด็กๆ ไม่ใส่เครื่องปรุงรสต่างๆ ลงไป ควรให้ลูกทานรสชาติจากธรรมชาติที่ได้จากวัตถุดิบที่นำมาปรุง เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกได้รับ เกลือ หรือ ติดรสชาติหวานจากเครื่องปรุงรสที่ปรุงแต่งลงไป