โรคหลอดเลือดสมองในเด็กแรกเกิด เสี่ยงเสียชีวิต
สาเหตุ
พบมากในช่วงขวบปีแรกของชีวิต ซึ่งพบประมาณ 1 คนต่อทารกแรกเกิด 3,500 คน เกิดกับเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง ที่สำคัญเด็กที่เป็นโรคเส้นเลือดสมองมีโอกาสเกิดซ้ำได้ ขึ้นอยู่กับสาเหตุดังนี้
1. ความผิดปกติแต่กำเนิด
2. การติดเชื้อในระบบประสาทส่วนกลาง
3. โรคเลือด เช่น ฮีโมฟิเลีย ธาลัสซีเมีย เป็นต้น
4. โรคหัวใจผิดปกติแต่กำเนิด
5. โรคเส้นเลือดในร่างกายผิดปกติแต่กำเนิด
6. โรคเมตาโบลิคผิดปกติแต่กำเนิด
อาการ
ความสำคัญของภาวะโรคหลอดเลือดสมอง คือหากเลือดไม่ไปเลี้ยงเนื้อเยื่อสมองนานเกิน 3 นาที จะเกิดบาดเจ็บและเนื้อเยื่อสมองถูกทำลายได้ คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตอาการเบื้องต้นเหล่านี้ เพื่อพาลูกไปพบคุณหมอค่ะ
1. ปวดศีรษะเฉียบพลันและทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
2. มองเห็นผิดปกติ เช่น เห็นภาพซ้อน หรือมองไม่เห็นทันที
3. ปากเบี้ยวหรืออ่อนแรงบริเวณใบหน้า แขน ขา โดยเฉพาะซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย
4. พูดหรือกลืนลำบาก
5. เวียนศีรษะ บ้านหมุน ยืนทรงตัวไม่ได้ตามปกติ
6. หมดสติ ชัก
การวินิจฉัยโรคนี้ในเด็ก โดยเฉลี่ยประมาณ 20% วินิจฉัยได้ค่อนข้างยาก เพราะต้องอาศัยการชักประวัติจากทางครอบครัว และความร่วมมือในการตรวจร่างกายของเด็ก โรคนี้ในเด็กมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวของสมองดีกว่าในผู้ใหญ่ เนื่องจากสมองของเด็กยังมีการพัฒนาต่อเนื่อง รวมถึงซ่อมแซมตัวเองได้ดีกว่าด้วย
ระดับความรุนแรง สามารถแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
1. Ischemic stroke หรือภาวะสมองขาดเลือด ความรุนแรงของภาวะนี้ คือทำให้เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองส่วนต้นทางมีการตีบแคบลง หรือถูกอุดกั้นทำให้เลือดไม่สามารถผ่านไปเลี้ยงสมองส่วนปลายได้ ตำแหน่งที่เป็นสาเหตุมักเป็นความผิดปกติจากหัวใจและหลอดเลือดบริเวณคอ
2. Hemorrhagic Stroke หรือเส้นเลือดสมองแตก มักเกิดจากการบาดเจ็บกับเส้นเลือดสมองโดยตรง เช่น จากอุบัติเหตุ หรือเส้นเลือดบริเวณนั้นผิดปกติ ทำให้มีเลือดมาไหลเวียนอยู่มาก และเปราะบางเสี่ยงแตกได้ง่ายกว่าคนปกติ รวมถึงผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเป็นกลุ่มโรคเลือด เช่น ฮีโมฟีเลีย เป็นต้น
การรักษาและป้องกัน
คุณหมอจะพิจารณาการให้ยาหรือผ่าตัด ขึ้นอยู่กับสาเหตุความรุนแรงของอาการขณะนั้น และระยะเวลาที่ผู้ป่วยมีอาการที่สำคัญ ภาวะนี้ต้องอาศัยการรักษากับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลาย ๆ ด้านด้วย
1. ใช้ยา คุณหมอจะให้ยาละลายลิ่มเลือด ยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือยาต้านเกล็ดเลือดในโรคหลอดเลือดสมองตีบตัน เป็นต้น
2. ผ่าตัด คุณหมอจะตัดสินใจผ่าตัดในผู้ป่วยที่มีอาการซึมหมดสติ และมีก้อนเลือดขนาดใหญ่ในสมอง
3. กายภาพบำบัด เนื่องจากโรคนี้ผู้ป่วยมีโอกาสหายและกลับมาใกล้เคืองกับปกติได้ ดังนั้นกายภาพบำบัดจะช่วยฟื้นฟูสภาพทางร่างกาย และจิตใจผู้ป่วยด้วย
ข้อมูลhttp://baby.kapook.com