ภูมิแพ้อากาศ ป้องกันและดูแลลูกอย่างไรดี ?
1. ป้องกันการสัมผัสกับไรฝุ่น
1.การลดการสัมผัสกับตัวไรฝุ่นจะทำให้มีการถูกกระตุ้นได้น้อยลง แต่บางพื้นที่ที่มีปริมาณตัวไรอยู่เป็นจำนวนมาก อาจจะไม่ประสบความสำเร็จในการป้องกัน วิธีการลดการสัมผัส คือ
2.ทำความสะอาดเครื่องนอนทุกสัปดาห์ด้วยน้ำร้อนที่อุณหภูมิ 55-60 องศาเซลเซียส
3.ใช้ปลอกหมอนและปลอกที่นอนแบบป้องกันไรฝุ่น
4.ใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดแบบสุญญากาศที่มีระบบกรองแบบ High-efficiency Particulate Air (HEPA)
5.การใช้หลาย ๆ วิธีร่วมกันสามารถลดการสัมผัสตัวไรได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กที่แพ้ตัวไร
2. ป้องกันการสัมผัสกับสัตว์เลี้ยง
1.ดีที่สุดในการลดการสัมผัสก็คือ การนำสุนัขหรือแมวออกไปไว้ที่อื่น ถ้าไม่สามารถนำสัตว์เลี้ยงออกไปได้ อาจลดการสัมผัสได้โดย
2.ไม่ควรนำมาไว้ในห้องนอน
3.อาบน้ำให้อย่างน้อยทุกอาทิตย์
4.ควรใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีระบบ HEPA
5.จัดให้มีการระบายอากาศที่ดี
6.ควรใช้ปลอกหมอนและปลอกที่นอนที่ผิวผ้ามีขนาดรูเล็กกว่า 6 ไมครอน
3. ป้องกันการสัมผัสกับซากแมลงสาบ
1.ลดการสัมผัสกับซากแมลงสาบทำให้ลดการกระตุ้นให้เกิดการแพ้โดยมีวิธีการดังนี้ คือ
2.ปรับสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของแมลงสาบ เช่น เศษอาหาร ความชื้น
3.การใช้แผ่นดักจับแมลงสาบในการเฝ้าระวังปริมาณแมลงสาบ
4.การใช้ยาฆ่าแมลง เช่น imidacloprid ควรใช้อย่างระมัดระวัง และขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
5.กรดบอริกเป็นยาฆ่าแมลงที่มีประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ตามแมลงสาบที่รอดชีวิตจากการสัมผัสกับกรดบอริกอาจทำให้เกิดสารก่อภูมิแพ้ได้มากขึ้น
6.อุปกรณ์ที่มีการปนเปื้อนกับแมลงสาบควรกำจัดออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสของผู้อยู่อาศัยในบ้าน
7.การใช้วิธีการต่าง ๆ เหล่านี้ร่วมกัน น่าจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการป้องกันและกำจัดแมลงสาบ
4. ป้องกันการสัมผัสกับควันบุหรี่
1.หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ในขณะตั้งครรภ์ และหลังคลอด
2.ไม่ควรให้เด็กได้สัมผัสกับควันบุหรี่ เนื่องจากมีหลักฐานจากการวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า
3.มารดาที่สูบบุหรี่ในขณะตั้งครรภ์มีผลต่อการพัฒนาปอดของทารก
4.เด็กเล็ก ๆ ที่มีอาการหลอดลมตีบเมื่อป่วย มีความสัมพันธ์กับการสูบบุหรี่ในพ่อแม่
5.การได้สัมผัสกับสารระคายเคืองในบ้าน ทำให้เด็กมีโอกาสเสี่ยงต่อโรคภูมิแพ้
6.การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือทุกวันก่อนอาบน้ำตอนเย็น จะช่วยให้กำจัดสารก่อภูมิแพ้ในจมูออกได้บ้าง
ข้อมูลhttp://baby.kapook.com