เคล็ดลับวิธีซักผ้าขาวที่คุณต้องทึ่ง !!
คุณแม่บ้านหลายๆ คนคงจะเคยปวดหัวกับการซักผ้าขาวกันมาบ้างแล้วเพราะว่าเสื้อผ้าสีขาวเวลาเราสวมใส่ไปนานๆ จะเกิดความหมองจนเสื้อดูเหลืองๆ ไม่น่าสวมใส่ซ้ำร้ายบางครั้งอาจจะมีรอยเปื้อนของคราบสกปรกต่างๆ ที่จะเห็นเด่นชัดเมื่อติดอยู่กับผ้าขาวผลที่ตามมาก็คือความยากลำบากในการลบ หรือขจัดคราบสกปรกออกจากเสื้อผ้าสีขาวนั่นเองแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีนะค่ะวันนี้เราจะนำเอาวิธีซักผ้าขาวมาให้ได้นำไปปฏิบัติกันดูค่ะ เพื่อที่จะได้คืนความขาวให้กับเสื้อผ้าของคุณอีกครั้ง
คืนความขาวให้ผ้าด้วยน้ำสไปรท์
แทบไม่น่าเชื่อใช่มั๊ยค่ะ ว่าน้ำอัดลมสไปรท์เนี่ย จะสามารถใช้ซักผ้าให้ขาวได้ด้วย (ใครเป็นคนคิดค้นเนี่ย?) วิธีนี้คือให้คุณเอาน้ำสไปรท์มาเทใส่กะละมัง โดยใช้น้ำสไปรท์ 1 ขวด ต่อเสื้อผ้า 2 ตัวนะค่ะ แล้วให้ใส่ผงซักฟอกลงไปเล็กน้อย จากนั้นให้คนส่วนผสมให้เข้ากันจนเกิดฟอง แล้วเอาเสื้อผ้าขาวของเราลงไปแช่ได้เลย การแช่นี้ให้แช่ทิ้งไว้หนึ่งคืนนะค่ะ ตอนเช้าเราค่อยมาซักกัน รับรองว่าชุดขาวของคุณจะขาวเปล่งประกายเหมือนใหม่เลยหล่ะค่ะ
น้ำยาล้างห้องน้ำขจัดคราบเหลืองใต้รักแร้
วิธีนี้ใช้ได้ผลดีมากๆ โดยเฉพาะคราบเหลืองตรงใต้รักแร้ และปกคอเสื้อของเราค่ะ คือให้เราเอาเสื้อขาวของเรา บริเวณที่เป็นคราบเหลืองเนี่ย มาจุ่มน้ำหมาดๆ ก่อนนะค่ะ จากนั้นให้เอาไปจุ่มกับน้ำยาล้างห้องน้ำ แล้วใช้แปรงขัดค่ะ (ควรสวมถุงมือยางด้วยนะค่ะ) ให้ทำควบคู่ไปกับวิธีการขยี้ผ้าด้วยนะค่ะ แล้วเอาไปแช่น้ำยาล้างห้องน้ำอีกครั้ง แต่อย่าแช่นานนะค่ะ เดี๋ยวสีของน้ำยาล้างห้องน้ำจะติดเนื้อผ้าค่ะ จากนั้นเราก็เอามาซักด้วยผงซักฟอกอีกครั้ง จะเห็นได้ว่าคราบเหลืองที่ติดเสื้อนั้น ได้หายไปจนเกลี้ยง เหลือเพียงความขาวของผ้าเท่านั้นค่ะ
ใช้เศษสบู่มาซักผ้าขาว
หากที่บ้านของคุณใช้สบู่แบบก้อน ย่อมจะมีเศษสบู่ที่เหลือก้อนเล็กๆ ไม่พอที่จะเอามาใช้อาบแล้ว หรือคุณหันไปใช้ก้อนใหม่ ให้เราเอามาซักผ้าขาวได้เลยค่ะ คือในระหว่างที่เราซักผ้านั้น ก็ให้นำเศษสบู่มาขัดบริเวณที่มีคราบด้วยนะค่ะ จะทำให้เราสามารถขจัดคราบเหลืองที่ติดกับผ้าได้ง่ายขึ้นค่ะ
ยาสีฟันก็ช่วยซักผ้าขาวได้นะ
ถ้าเสื้อผ้าขาวของคุณเปื้อนเฉพาะจุด เช่น มีคราบกาแฟ คราบลิปสติก คราบเหลืองตรงรักแร้ หรือคอปกเสื้อ ให้เรานำเอาผ้าของเราตรงจุดที่เปื้อนไปจุ่มน้ำให้หมาด แล้วเอายาสีฟันที่มีเฉพาะสีขาว (บางยี่ห้อจะมีสีเขียว สีฟ้า) มาป้ายตรงรอยเปื้อน แล้วก็ใช้มือค่อยๆ ขยี้ตรงรอยเปื้อนนั้น จะช่วยให้คราบสกปรกหลุดลอกออกอย่างง่ายดายค่ะ
ใช้ไวท์ไฮเตอร์
คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักผลิตภัณฑ์ซักผ้ายี่ห้อนี้นะค่ะ ซึ่งเป็นที่รู้ๆ กันอยู่แล้วว่าได้ผลดีมากๆ ส่วนเทคนิคนี้เราแนะนำให้ใช้แบบเป็นผงค่ะ ผสมกับผงซักฟอกอ๊อกซีแมกซ์ แล้วแช่ผ้าของเราทิ้งไว้ซัก 1 -2 ชั่วโมง คราบเหลืองตรงปกคอ หรือคราบสกปรกต่างๆ จะหลุดออกเองโดยที่เราไม่ต้องเสียแรงขัดเลยหล่ะค่ะ
ใช้สบู่กรดเป็นตัวช่วย
สบู่กรดก้อนลายๆ หรือก้อนขาวๆ คุณผู้อ่านคงจะรู้จักนะค่ะ ซึ่งส่วนมากเราจะใช้ซักถุงเท้า ซึ่งได้ผลดีมากๆ ช่วยให้เราสามารถซักถุงเท้าให้ขาวสะอาดได้ง่ายๆ คือให้เราใช้สบู่กรดมาถูบริเวณที่มีคราบ แล้วก็ซักขยี้ตามปกติ รอยที่ติดเสื้อผ้าจะหลุดออกไปอย่างง่ายดาย สบู่กรดแบบลายก้อนละ 5 บาท ส่วนสบู่กรดก้อนสีขาวเป็นแท่งยาวๆ ที่มักใช้ซักถุงเท้านั้น ราคาก้อนละ 10 บาทเองค่ะ ใช้ได้นานมากกว่าจะหมด
น้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาว
คือตอนที่เราแช่ผ้าก่อนที่จะซักเนี่ย ให้เอาน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชู่มาแช่ผ้าพร้อมๆ กับผงซักฟอก แช่ไว้ซัก 20 – 30 นาที แล้วจึงซักผ้าตามปกติ จะทำให้ผ้าขาวของคุณ ขาวแบบเปล่งประกาย แม้ใส่มานานแล้วก็ยังขาวได้อยู่ค่ะ ต้องซักแยกกันกับผ้าสีนะค่ะ
วิธีซักผ้าให้ขาวด้วยผงบอแร็กซ์
ตอนที่คุณกำลังใส่ผงซักฟอกลงไปนั้น ให้คุณเอาผงบอแร็กซ์ใส่ลงไปด้วยซักครึ่งถ้วยตวงนะค่ะ แล้วก็ปล่อยให้เครื่องซักผ้าทำงานตามปกติ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้ผ้าของคุณกลับมาขาวได้แล้วค่ะ
ผงฟู + น้ำมะนาวช่วยซักผ้าขาวได้
ในตอนที่เราใส่ผงซักฟอกลงไปในเครื่องซักผ้านั้น ให้เอาเบกกิ้งโซดาหรือผงฟูของเรานี่แหล่ะ ใส่ลงไปครึ่งถ้วยตวง และน้ำมะนาวอีกครึ่งถ้วยตวง จากนั้นก็ซักผ้าตามปกติ เท่านี้เสื้อผ้าคุณจะกลับมาขาว คราบสกปรกต่างๆ จะหลุดออกไปอย่างง่ายดายค่ะ
น้ำซาวข้าวช่วยให้ผ้าขาวได้
เป็นที่รู้กันมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วนะค่ะ สำหรับวิธีซักผ้าขาวด้วยน้ำซาวข้าวเนี่ย ถือว่าเป็นภูมิปัญญาที่ใช้ได้ผลดีเลยหล่ะค่ะ คือให้เรานำเอาเสื้อผ้าที่ดูหมอง มีคราบเหลือง มาแช่ในน้ำซาวข้าว โดยน้ำซาวข้าวที่แช่เนี่ยเราต้องเปลี่ยนทุกวันนะค่ะ ให้แช่ทิ้งไว้แบบนี้ 5 วัน รับรองว่าชุดสีขาวของคุณจะกลับมาขาวใหม่เหมือนเดิมค่ะ ขอย้ำว่าต้องเปลี่ยนน้ำซาวข้าวทุกวันนะค่ะ
วิธีซักผ้าขาวย่อมขึ้นกับสภาพความสะดวกของแต่ละบุคคล ว่าจะใช้วิธีซักผ้าขาวแบบไหน แต่สิ่งที่ต้องย้ำกันอีกครั้งและสำคัญมากๆ ก็คือตอนซักผ้าหรือตอนแช่ผ้าจะต้องแยกผ้าขาวออกจากผ้าสีทุกครั้ง ไม่อย่างนั้นผ้าสีตกใส่ผ้าขาวจะยิ่งเกิดความยุ่งยากไปมากกว่านี้
ข้อมูลจาก http://www.tipsza.com